ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนหากพูดถึงภาวะโลกร้อนในปัจจุบันนับว่าทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลทำให้ระบบนิเวศทั้งหมดเกิดความแปรปรวน ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น ธารน้ำแข็งที่กำลังละลาย น้ำแข็งขั้วโลกสลาย ระดับน้ำทะเลที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น ระบบนิเวศที่กำลังเปลี่ยนแปลง และคลื่นความร้อนที่ทำให้ถึงแก่ความตายได้ ซึ่งส่งผลต่อมนุษย์ สิ่งแวดล้อม และสิ่งมีชีวิตต่างๆ ทั้งหมด

ทั้งนี้ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน ได้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศจึงมีความมุ่งมั่นในการจัดการบริหารเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (carbon footprint) เพื่อลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจ และให้สอดคล้องกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของโลก

จึงได้ให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณภาพ Resilience และมีการจัดการและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ โดยหนึ่งในขบวนการคือการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ และการเพิ่มพื้นที่สีเขียว เป็นต้น ซึ่งสอดคล้องกับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 หรือ COP26 ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร ประเทศไทยได้เข้าร่วมประชุมและแสดงเจตจำนงในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร่วมกับประชาคมโลกตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ (Long-term Low Greenhouse Gas Emission Development Strategies : LT-LEDS) ของประเทศไทย รวมถึงประกาศเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2608 (ค.ศ. 2065) ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรก ๆ ของโลกที่สามารถดำเนินการดังกล่าว รวมทั้งเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีกรอบมาตรการในการดำเนินงานที่ชัดเจน

ในฐานะบริษัทฯ ชั้นนำด้านรีเทล ที่มีทั้งการขนส่ง พื้นที่หลายสัดส่วน และสินค้าหลากหลายประเทศ จึงยกระดับการบริหารจัดการที่ใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมและลดผลกระทบตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยมีการจัดทำโครงการ Journey to Zero ที่ส่งเสริมการบริหารจัดการที่มีคุณภาพ โดยหนึ่งในเป้าหมายคือการปรับเปลี่ยนหันมาใช้พลังงานสะอาดและยั่งยืน เพื่อลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจ ทั้งยังช่วยลดปัญหามลพิษด้วยพลังงานสะอาด และสอดคล้องกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของโลก ผ่านการกิจกรรม ดังนี้

  • การส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนจากการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานสะอาดที่ยั่งยืน ภายในห้างสรรพสินค้า โรบินสันไลฟ์สไตล์มออล์, ไทวัสดุ และ โก! มอลล์เวียดนาม ในปี 64 มีทั้งหมด 40 สาขา 42 จุด และเป้าหมายในปี 65 จะเพิ่มเป็น 80 สาขา จะสามารถผลิตพลังงานได้ถึง 133,192 MWH
  • การติดตั้ง สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) ในลานจอดรถมากถึง 600 จุด ในห้างสรรพสินค้ากว่า 41 แห่ง
  • เน้นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งปัจจุบันในปี 2564 ได้สนับสนุนพื้นที่สีเขียว กว่า 2,000 ไร่ ภายในประเทศไทย
  • การติดตั้งตู้เย็นประหยัดพลังงานใน Tops และ FamilyMart 777 สาขาทั่วประเทศ

บริษัทฯ มีความมุ่งหวังการเติบโตของธุรกิจจะต้องควบคู่ไปกับการพัฒนาสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน และตระหนักว่าต้องเริ่มตั้งแต่ต้นทางของห่วงโซ่อุปทานตลอดจนถึงปลายทางของการจัดการอย่างถูกหลัก ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย โดยเริ่มตั้งแต่บุคคลากรภายใน และนำองค์ความรู้ออกสู่สังคมและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มตั้งแต่ระดับชุมชน ระดับจังหวัด ระดับชาติ และสู่ระดับโลก บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรมด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม การจัดการด้านพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ

ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา

โรบินสันไลฟ์สไตล์มออล์, ไทวัสดุ และ โก! มอลล์เวียดนาม ได้ติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมด 40 สาขา 42 จุด
ติดตั้ง สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) ในลานจอดรถมากถึง 600 จุด ในห้างสรรพสินค้ากว่า 41 แห่ง
ในปี 2564 ได้สนับสนุนพื้นที่สีเขียว กว่า 2,000 ไร่ เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์.
การติดตั้งตู้เย็นประหยัดพลังงาน ใน Tops และ FamilyMart 777 สาขาทั่วประเทศ