Journey to Zero: การจัดการการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร
คนทั่วไปอาจมองขยะอาหารเป็นเพียงแค่เศษอาหารที่ทิ้งไปอย่างสูญเปล่า แต่จริงๆ แล้วขยะอาหารเป็นหนึ่งในตัวการที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน สามารถสร้างก๊าซเรือนกระจกมากถึงร้อยละ 8 สำหรับประเทศไทย กว่าร้อยละ 60 ของขยะมาจากขยะอาหาร คนไทย 1 คนสร้างขยะอาหารสูงถึง 254 กิโลกรมต่อปีเลยทีเดียว (ที่มา https://www.prd.go.th) บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ตระหนักถึงประเด็นดังกล่าว จึงกำหนดแนวทางการจัดการที่มุ่งเน้นการลดขยะอาหาร และการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรการป้องกันการเกิดขยะอาหาร ซึ่งข้อมูลของขยะอาหารจากแต่ละขั้นตอนจะถูกรวบรวมและติดตามอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามการลดลงของการสูญเสียอาหารและลดขยะอาหารทั้งหมด
- Prevention: ลดการเกิดอาหารส่วนเกิน ให้ความต้องการสอดคล้องกับการผลิต
- Optimization: การจัดสรรอาหารให้เกิดประโยชน์สูงสุดก่อนนำไปกำจัด
- Recycle: การผลิตก๊าซชีวภาพและปุ๋ย
- Recovery: การนำขยะที่มีความชื้นต่ำและมีคุณสมบัติที่เหมาะสมมาผลิตพลังงานความร้อน
- Disposal: การกำจัดขยะที่ไม่ใช้แล้วด้วยการเผาหรือฝังกลบ
โครงการ Samui Zero Waste Model
หนึ่งในโครงการของบริษัทฯ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดปริมาณการสูญเสียอาหารและลดการเกิดขยะอาหารทั้งหมดที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง คือ โครงการ Samui Model ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2564 เพราะเล็งเห็นว่า เกาะสมุยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัด สุราษฎร์ธานี แต่เนื่องจากสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เป็นเกาะ ทำให้ขยะอาหารจำนวนมากเป็นปัญหาของเกาะ โครงการดังกล่าวเริ่มต้นด้วยการคัดแยกขยะภายในห้างสรรพสินค้าของบริษัทฯ บนเกาะสมุย โดยพนักงานจะเก็บและคัดแยกขยะอาหารออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1) อาหารที่ต้องทิ้งแต่ยังรับประทานได้เพื่อแปรรูปเป็นอาหารสัตว์ และ 2) อาหารที่ต้องทิ้งและที่ไม่สามารถรับประทานได้แล้ว เพื่อแปรรูปเป็นปุ๋ยหมักและก๊าซชีวภาพ (Biogas) สำหรับใช้หุงต้มในครัวเรือน โดยบริษัทฯมีแผนที่จะขยายการดำเนินงานไปยังพื้นที่อื่น ๆ ด้วย ทั้งนี้ ในปี 2565 โครงการ Samui Zero Waste Model ช่วยลดขยะอาหารได้ถึง 41.7 ตัน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 105.51 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
![](/storage/our-story/environment/2023/journey-to-zero/1.jpg)
![](/storage/our-story/environment/2023/journey-to-zero/2.jpg)
นอกจากนี้ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สนับสนุนชุมชนท้องถิ่นในการจัดตั้ง "Sustainable Samui Community Enterprise" (วิสาหกิจชุมชนสมุยยั่งยืน) ซึ่งเป็นส่วนขยายของ Samui Model ที่ช่วยให้ชุมชนมีรายได้จากการใช้ปุ๋ยหมักที่เกิดจากขยะอาหารในโครงการเพื่อปลูกผักและผลไม้ และนำไปจำหน่ายที่ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต สร้างรายได้ให้กับวิสาหกิจชุมชนรวมกว่า 233,437 บาท รวมทั้งสนับสนุนชุมชนในการจัดการเรื่องด้านต่างๆ เช่น การนำวัสดุเหลือใช้จากโรงงานสแลนกันแดดมาเพื่อเย็บเป็นกระเป๋าวนอยู่ในเกาะสมุยเพื่อลดขยะพลาสติกได้ด้วย
![](/storage/our-story/environment/2023/journey-to-zero/3.jpg)
![](/storage/our-story/environment/2023/journey-to-zero/4.jpg)
![](/storage/our-story/environment/2023/journey-to-zero/5.jpg)
![](/storage/our-story/environment/2023/journey-to-zero/6.jpg)
![](/storage/our-story/environment/2023/journey-to-zero/7.jpg)
โครงการ Surprise Bag
อาหารที่ระบุว่าใกล้วันหมดอายุมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นอาหารที่เน่าเสียหรือไม่สามารถรับประทานต่อได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วอาหารเหล่านั้นสามารถนำไปส่งต่อและทำประโยชน์อย่างอื่นได้อีกมากมาย ในธุรกิจค้าปลีกมักมีอาหารจำนวนมากที่ใกล้วัน "best-before" (ควรบริโภคก่อน) ซึ่งไม่สามารถนำมาจำหน่ายได้ และจะต้องถูกทิ้งเป็นขยะอาหารระหว่างกระบวนการจัดการสินค้าคงคลัง ซึ่งอาจส่งผลให้สูญเสียรายได้และขาดประสิทธิภาพในการจัดการทรัพยากร ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้พัฒนาระบบรวบรวมและติดตามข้อมูล เพื่อเช็คอาหารที่ใกล้ถึงวัน "ควรบริโภคก่อน" เพื่อแจ้งให้พนักงานทราบ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจอาหารของบริษัทฯ ให้นำอาหารเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น เพื่อก่อให้เกิดคุณค่าสูงสุด
![](/storage/our-story/environment/2023/journey-to-zero/8.jpg)
![](/storage/our-story/environment/2023/journey-to-zero/9.jpg)
นอกจากนั้น ท็อปส์ และ แฟมิลี่มาร์ท มีการบรรจุอาหารที่ยังรับประทานได้ แต่ว่าใกล้ถึงวัน “ควรบริโภคก่อน” ลงใน "Surprise Bags" เพื่อจำหน่ายผ่าน Yindii ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นส่งต่ออาหารชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เน้นการจำหน่ายอาหารจากร้านค้าต่าง ๆ ที่ขายไม่หมด แต่ยังคงปลอดภัยและยังรับประทานได้ ใน Surprise Bags จะถูกบรรจุด้วยเบเกอรี่ ผัก ผลไม้ อาหารพร้อมรับประทาน และวัตถุดิบประกอบอาหารที่ยังมีคุณภาพดีอีกมากมาย โดยลูกค้าสามารถซื้อ Surprise Bags ในราคาย่อมเยา (ต่ำกว่าราคาขายปลีกปกติถึง 50%) ผ่านแอปพลิเคชั่นออนไลน์ Yindii และมารับได้ที่ท็อปส์และแฟมิลี่มาร์ทสาขาต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ ซึ่งโครงการนี้ไม่เพียงช่วยให้ บริษัทฯ สามารถลดขยะอาหารให้เหลือน้อยที่สุด ด้วยการนำไปใช้ใหม่ผ่านรูปแบบการช่วยเหลือด้านอาหาร แต่ยังช่วยสร้างมูลค่าให้กับอาหารส่วนเกิน และทำให้ผู้บริโภคและครอบครัวที่มีรายได้น้อยเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการในราคาที่ถูกลง ทั้งนี้ในปี 2566 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม บริษัทฯ ได้จำหน่าย Surprise Bags ไปแล้ว 272 ถุง และมีแผนจะขยายแนวคิดนี้ไปทั่วประเทศในอนาคต
![](/storage/our-story/environment/2023/journey-to-zero/10.jpg)
![](/storage/our-story/environment/2023/journey-to-zero/11.jpg)
โครงการ อาหารปันสุข
ในแต่ละปี 1 ใน 3 ของปริมาณอาหารทั้งหมดทั่วโลก จะถูกทิ้งไปอย่างสูญเปล่า คิดเป็นปริมาณที่สูงถึง 1,300 ล้านตัน ซึ่งบางส่วนในนี้เป็นอาหารที่ยังไม่เคยถูกบริโภคมาก่อน แต่ในขณะเดียวกัน กลับมีคนทั่วโลกที่เผชิญภาวะอดอยากสูงถึง 820 ล้านคน มีอาหารจำนวนมากที่ไม่สามารถกระจายไปสู่ผู้บริโภคเหล่านั้นได้ แทนที่จะทิ้งอาหารไปอย่างไร้คุณค่า ดังนั้น บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จึงได้ดำเนินงานร่วมกับ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ ประเทศไทย (Scholars of Sustenance Foundation (SOS) Thailand) ผ่านรูปแบบการบริจาคอาหาร โดย SOS Thailand เป็นพันธมิตรปลายน้ำของบริษัทฯ ในการร่วมกันลดความสูญเสียทางด้านอาหารและลดขยะอาหาร โดย SOS เป็นหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในการเป็นตัวกลางจัดส่งอาหารที่ไม่สามารถจำหน่ายได้ แต่ยังมีคุณภาพและรับประทานได้ให้กับผู้ที่ต้องการ
![](/storage/our-story/environment/2023/journey-to-zero/13.jpg)
![](/storage/our-story/environment/2023/journey-to-zero/14.jpg)
นอกจากนั้น บริษัทภายใต้เซ็นทรัล รีเทล ในกลุ่มธุรกิจอาหาร ได้แก่ ท็อปส์ มาร์เก็ต เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และแฟมิลี่มาร์ท รวมไปถึงศูนย์จำหน่ายอาหารสดของ บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในโครงการ “Food For Good Deed - อาหารปันสุข” เพื่อดำเนินการบริจาคอาหาร โดยมีพนักงานจากบริษัทฯ และพนักงานจาก SOS Thailand ทำการตรวจสอบคุณภาพอาหารอย่างละเอียดตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง ก่อนขนส่งอาหารด้วยยานพาหนะควบคุมอุณหภูมิ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในความปลอดภัยของอาหารสูงสุด
![](/storage/our-story/environment/2023/journey-to-zero/15.jpg)
![](/storage/our-story/environment/2023/journey-to-zero/16.jpg)
ในปี 2565 อาหารทั้งหมด 2.5 ล้านมื้อถูกแจกจ่ายให้กับชุมชนกว่า 700 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งช่วยลดการสูญเสียอาหารและลดขยะอาหารในห่วงโซ่คุณค่าได้ถึง 264 ตัน นอกจากนี้ ท็อปส์ มาร์เก็ต และ สสส. ยังได้จัดตั้งครัวชุมชน “Tops Food for All” ในปี 2565 ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมวัตถุดิบอาหารที่ยังมีคุณภาพ แต่ไม่สามารถวางจำหน่ายได้แล้วในศูนย์จำหน่ายอาหารของบริษัทฯ มาประกอบอาหารแจกจ่ายให้ผู้มีรายได้น้อยในชุมชนต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ ซึ่งนอกจากครัวชุมชนแห่งนี้จะช่วยให้บริษัทฯ ลดการสูญเสียอาหารและลดการสร้างขยะอาหารแล้ว ยังเป็นการช่วยผู้ที่มีรายได้น้อยให้สามารถเข้าถึงอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและได้ประหยัดค่าครองชีพไปพร้อมกัน
![](/storage/our-story/environment/2023/journey-to-zero/17.jpg)
![](/storage/our-story/environment/2023/journey-to-zero/18.jpg)