ปี 2566 ถือเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายสำหรับภาคค้าปลีกค้าส่งและบริการ ทั้งสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและปัจจัยต่าง ๆ ที่ยากจะคาดเดา

แต่ด้วยพอร์ตโฟลิโอของเซ็นทรัล รีเทล ที่เป็นแบบ Multi-Format และ Multi-Category ทำให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่น และสามารถปรับเปลี่ยนได้ในทุกสถานการณ์ ตลอดจนการบริหารต้นทุน และควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทฯ สามารถปิดปี 2566 ด้วยผลประกอบการที่เติบโต สร้างรายได้รวม 248,688 ล้านบาท และรักษาเสถียรภาพทางการเงินไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง ทำให้มีกำไรสุทธิ 8,523 ล้านบาท พร้อมทั้งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือโดยทริสเรทติ้ง ด้วยอันดับที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมค้าปลีกที่ระดับ “AA-” แนวโน้ม Stable หรือคงที่ ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งในประเทศไทย เวียดนาม และอิตาลี ที่ให้ความสำคัญกับการเติบโตทางธุรกิจ ควบคู่ไปกับการยกระดับทุกภาคส่วนให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

มุ่งเติบโตอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เคียงข้างผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย

บริษัทฯ เน้นย้ำเจตนารมณ์ของการเป็น Green & Sustainable Retail องค์กรค้าปลีกค้าส่งต้นแบบด้านความยั่งยืนแห่งเอเชีย โดยยึดหลักความรับผิดชอบใน 3 มิติ คือ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment, Social, Governance: ESG) ผ่านกลยุทธ์ CRC “ReNEW” โดยให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ไข Climate Crisis ของโลก และมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นองค์กร Net Zero หรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 โดยมีผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม อาทิ

  1. Reduce Greenhouse Gases ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยการใช้เทคโนโลยีสะอาด ได้แก่ การติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ให้กับธุรกิจในเครือรวม 142 สาขา การติดตั้งสถานีประจุไฟฟ้าในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้ารวม 73 สาขา ซึ่งรองรับรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมกันได้ถึง 835 คัน การใช้รถบรรทุกไฟฟ้าในการขนส่งสินค้ารวม 24 คัน และการใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงานต่าง ๆ เช่น หลอดไฟ ตู้เย็นและตู้แช่ ระบบปรับอากาศ พร้อมตั้งเป้าเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน และพลังงานสะอาดเป็นร้อยละ 50 ในปี 2573
  2. Navigate Society Well-Being สร้างสังคมให้น่าอยู่ และยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชนด้วยการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนมากกว่า 100,000 ครัวเรือน พร้อมทั้งตั้งเป้าสร้างความพึงพอใจของลูกค้าร้อยละ 95 ภายในปี 2573 นอกจากนี้ ยังส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ผ่านการจ้างงานผู้พิการและผู้สูงอายุในองค์กรรวมมากกว่า 1,000 คนอีกด้วย
  3. Eco-Friendly Product and Packaging ส่งเสริมสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการจำหน่ายสินค้าในรูปแบบร้านค้าสีเขียวและร้านค้าเพื่อสุขภาพ เช่น สินค้าออร์แกนิกสินค้าวีแกน สินค้าเพื่อสุขภาพ สินค้ารักษ์โลก กว่า 76 แห่ง รวมทั้งสนับสนุนการใช้บรรจุภัณฑ์ซ้ำ และบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ร้อยละ 28 และตั้งเป้าเพิ่มเป็นร้อยละ 100 ภายในปี 2573
  4. Waste Management บริหารจัดการขยะมูลฝอยอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการประยุกต์ใช้หลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยเฉพาะขยะอาหารที่มีการจัดการตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางของขยะ โดยอาหารส่วนเกินที่ยังมีคุณภาพดีจะนำไปบริจาคให้แก่ผู้เปราะบาง เปลี่ยนอาหารส่วนเกินคุณภาพดีให้เป็น Surprise Bags จำหน่ายในราคาประหยัด นำขยะอาหารไปแปลงเป็นปุ๋ย การนำอาหารส่วนเกินเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงจากโปรตีนแมลง การรีไซเคิลขวดพลาสติกในโครงการขวดเปล่าไม่สูญเปล่าให้เป็นผ้าห่มกันหนาวให้กับผู้ขาดแคลน การส่งเสริมให้ลูกค้านำถุงผ้ามาใช้เอง และการรณรงค์คัดแยกขยะอย่างถูกวิธีกับทุกภาคส่วน โดยตั้งเป้าลดขยะลงหลุมฝังกลบร้อยละ 30 ภายในปี 2573

ด้วยการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาล ทำให้บริษัทฯ ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ทั้งในไทยและระดับสากล อาทิ รางวัล Sustainability of the Year จาก Retail Asia ได้ขึ้นทะเบียนสมาชิกของดัชนี Dow Jones Sustainability Indices - World Index (DJSI World) และ Dow Jones Sustainability-Emerging Markets Index (DJSI Emerging Market) ได้รับผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating ประจำปี 2566 ในระดับ “AAA” ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดของไทยจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และรางวัล Commended Sustainability Awards จากเวที SET Awards ประจำปี 2566 ที่สำคัญยังได้รับการประเมินด้านการกำกับดูแลกิจการที่โปร่งใสในระดับ “ดีเลิศ” หรือ 5 ดาว ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 จากโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียน ประจำปี 2566 อีกด้วย

เดินหน้าสร้างการเติบโตทางธุรกิจแบบนิวไฮ พร้อมรุกตลาดค้าส่งเต็มตัว

ปี 2566 ถือว่าเป็นปีที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และไม่เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจมากนัก แต่ด้วย DNA ของบริษัทฯ ที่มีการปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ทำให้องค์กรสามารถขยายและสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจหลักได้อย่างต่อเนื่อง อาทิ การเปิดตัวศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ สาขาฉลอง จังหวัดภูเก็ต และห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ ในโซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก รวมไปถึงการสร้างนิวไฮครั้งสำคัญให้กับ 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ไทวัสดุ ไฮบริด ฟอร์แมท ที่ขยายสาขาถึง 14 สาขาในปีที่ผ่านมา ตอกย้ำการเป็นเบอร์หนึ่งด้าน DIY Home Retailer ของประเทศไทย และห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ประเทศอิตาลี ที่ทำยอดขายทะลุ 1 พันล้านยูโร ซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ และยังคงเดินหน้าปรับปรุงพัฒนาสาขาต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและนักท่องเที่ยวได้อย่างดีที่สุด ขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็ได้ขยายธุรกิจใหม่ ด้วยการรุกเข้าสู่ธุรกิจค้าส่งอย่างเต็มรูปแบบ โดยเปิดตัว “โก โฮลเซลล์” ศูนย์ค้าส่งอาหารครบวงจร 4 สาขาในไตรมาสที่ 4 ได้แก่ สาขาศรีนครินทร์ สาขาเชียงใหม่ สาขาอมตะนคร จังหวัดชลบุรี และสาขาพัทยา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด และถือเป็น New Growth Engine สำคัญของบริษัทฯ ด้านธุรกิจในเวียดนาม บริษัทฯ ยังมุ่งขยายการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งของ GO! Hypermarket และศูนย์การค้า GO! พร้อมทั้งขยายซูเปอร์มาร์เก็ต go! (มินิ โก) อย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายกลุ่ม Food ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ล่าสุดยังได้คว้ารางวัลอันดับ 1 สุดยอดค้าปลีกในเวียดนาม ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 จากเวียดนาม รีพอร์ต พิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในฐานะผู้นำค้าปลีกต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนามที่ครองเบอร์ 1 ในด้าน Hypermarket และ Family Mall นอกเหนือจากการสร้างการเติบโตทางธุรกิจ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการดูแลพนักงานให้โตไปกับองค์กร พร้อมทั้งสร้างสถานที่ทำงานให้เป็น ‘A Great Place to Work’ หรือสถานที่ทำงานที่มีความสุข และทำให้ทุกคนอยากมาร่วมงานด้วย ซึ่งได้รับการการันตีด้วยรางวัลระดับโลกอย่างรางวัล Best Companies to Work for in Asia จาก HR Asia และรางวัล Global Best Employer Brand Awards ประจำปี 2566 จาก The Employer Branding Institute และ World HRD Congress ติดต่อกัน 2 ปีต่อเนื่อง

ต่อยอดการเติบโต พร้อมทะยานสู่ปีมังกร

สำหรับปี 2567 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะ Leading Excellence and Advancing Sustainability คือสร้างการเติบโตทางธุรกิจ ควบคู่ไปกับการต่อยอดความยั่งยืน โดยยึดมั่นการเป็นองค์กร Resilience ที่พร้อมปรับตัว ยืดหยุ่น และดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง เพื่อพร้อมรับทุกโอกาสและความเสี่ยง และเดินหน้าต่อได้อย่างมั่นคงในช่วงที่เศรษฐกิจมีความผันผวน ตลอดจนมุ่งมั่นในการเสริมแกร่งธุรกิจหลัก และขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง อาทิ การพัฒนาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล แฟล็กชิปสโตร์ สาขาชิดลม สู่การเป็น The New Luxury Landmark แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเดินหน้าขยายสาขาของไทวัสดุ และโก โฮลเซลล์ เป็นต้น ทั้งนี้บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจบนปรัชญา CRC Care ที่ยึดเป็นหัวใจหลักในการทำงาน เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนทุกภาคส่วนที่บริษัทฯ ดูแลใน 7 มิติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ลูกค้า พาร์ตเนอร์ พนักงาน ชุมชน สิ่งแวดล้อม และหลักธรรมาภิบาล ให้เติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน

ในโอกาสนี้ คณะกรรมการบริษัทขอขอบคุณผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า และนักลงทุน ที่ให้ความไว้วางใจ เชื่อมั่น และสนับสนุนบริษัทฯ เป็นอย่างดีมาโดยตลอด โดยบริษัทฯ จะยังคงมุ่งมั่นเป็น Platform of Trust ที่ทุกภาคส่วนสามารถไว้วางใจ และเติบโตไปกับแพลตฟอร์มนี้ ตลอดจนขอขอบคุณพนักงานทุกคนที่ตั้งใจส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า พร้อมทั้งนำพาบริษัทฯ ไปสู่ความสำเร็จอันแข็งแกร่งและยั่งยืนร่วมกัน


ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล
ประธานกรรมการบริษัท

นายญนน์ โภคทรัพย์
กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร