การจัดหาอย่างมีความรับผิดชอบ

แนวทางการจัดหาสินค้าของเซ็นทรัล รีเทล เป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานสากลที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพของสินค้าและบริการที่เสนอให้แก่ลูกค้า อย่างไรก็ตาม ด้วยแนวโน้มความคาดหวังของผู้บริโภคที่ใส่ใจและให้ความสำคัญต่อการจัดหาสินค้าอย่างมีความรับผิดชอบที่เพิ่มสูงขึ้น เซ็นทรัล รีเทล จึงมุ่งมั่นให้แนวทางปฏิบัติในการจัดหาสินค้าและบริการครอบคลุมปัจจัยต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากการปฏิบัติตามกฎระเบียบ โดยมุ่งเน้นการขับเคลื่อนความยั่งยืนในกระบวนการผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของเซ็นทรัล รีเทล ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเซ็นทรัล รีเทล จะสามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้บริโภคและสร้างคุณค่าให้แก่สิ่งแวดล้อม ชุมชน ลูกค้า และองค์กรได้มากยิ่งขึ้น

เป้าหมาย

จัดหาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 30% ของสินค้าทั้งหมด ภายในปี 2573
เพิ่มจำนวนร้านค้า Healthiful ให้ครอบคลุมห้างสรรพสินค้า 119 สาขา ภายในปี 2568

ผลกระทบต่อธุรกิจ ผู้มีส่วนได้เสีย และสิทธิมนุษยชน

เซ็นทรัล รีเทล ได้มีการให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาสินค้าอย่างมีความรับผิดชอบแก่ลูกค้า เช่น ข้อมูลผู้ผลิต ข้อมูลโภชนาการ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายและมาตรฐานสากล แนวทางปฏิบัติดังกล่าวช่วยป้องกันความเสี่ยงด้านการละเมิดกฎระเบียบและการถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานรัฐ ส่งเสริมการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบและดีต่อสุขภาพของลูกค้า ตลอดจนเสริมสร้างชื่อเสียงและความเชื่อมั่นของเซ็นทรัล รีเทล นอกจากนี้ การคัดเลือกสินค้าที่ได้รับรองฉลากมาตรฐานด้านความยั่งยืนยังช่วยยกระดับคุณภาพในการจัดหาสินค้าของเซ็นทรัล รีเทล ซึ่งจะส่งผลต่อความได้เปรียบทางการแข่งขันและการเติบโตทางธุรกิจ

แนวทางการบริหารจัดการ

เซ็นทรัล รีเทล ยึดจรรยาบรรณคู่ค้า (Supplier Code of Conduct) เป็นกรอบในการกำกับดูแลด้านการจัดหาอย่างมีความรับผิดชอบ โดยในจรรยาบรรณคู่ค้ามีการกำหนดเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมเพื่อใช้ในการคัดกรองคู่ค้าที่มีความเสี่ยงด้านความยั่งยืนสูง นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ยังได้มีการประเมินความเสี่ยงและสร้างความร่วมมือกับคู่ค้าเพื่อขยายขอบเขตในการจัดหาสินค้าอย่างมีความรับผิดชอบ ผ่านการให้คำแนะนำในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและจัดอบรมสร้างเสริมศักยภาพให้แก่คู่ค้า นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ยังมุ่งเน้นการสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น เนื่องจากชุมชนมีส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคม และต้องการการสนับสนุนจากเซ็นทรัล รีเทล การให้ความรู้คู่ค้าและชุมชนท้องถิ่นเกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมมลพิษ และส่งเสริมประสิทธิภาพของการใช้ทรัพยากรจะช่วยให้สินค้าจากคู่ค้าและชุมชนท้องถิ่นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่การให้ความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์และวนเกษตรจะช่วยปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศ รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ อีกทั้งผู้ปฏิบัติงานและผู้ผลิตยังได้ประโยชน์จากลดการสัมผัสสารเคมีและสารกำจัดศัตรูพืชให้น้อยที่สุด ส่วนลูกค้าจะได้รับสินค้าคุณภาพสูงที่ดีต่อสุขภาพ ทั้งคู่ค้าและชุมชนท้องถิ่นจะได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการขายสินค้ามูลค่าสูง ซึ่งช่วยส่งเสริมการสร้างรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

กระบวนการจัดหาสินค้าอย่างมีความรับผิดชอบ

นอกเหนือจากการดูแลให้คู่ค้าและชุมชนผลิตสินค้าอย่างมีความรับผิดชอบแล้ว เซ็นทรัล รีเทล ได้สื่อสารถึงสินค้าดังกล่าวผ่านกลไกการแสดงฉลากด้านความยั่งยืนและการจัดหมวดหมู่สินค้าด้านความยั่งยืน โดยเซ็นทรัล รีเทล จัดหาสินค้าที่มีฉลากสิ่งแวดล้อมที่รับรองกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือมีการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีตัวอย่างฉลาก ดังนี้

Number 5 Label
High-efficiency Label
EU Energy Label
SCG Eco Value Label
Carbon Reduction Label
Green Industry Label
Green Label
Carbon Neutral Label
Forest Stewardship Council Label
Conformite Europeenne (European Conformity)
Carbon Footprint of Products
Carbon Footprint Reduction Label
Carbon Footprint of Circular Economy Products (CE-CFP) Label
การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน
การสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจของชุมชน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น

สำหรับสินค้าในกลุ่มอาหาร เซ็นทรัล รีเทล จัดทำมาตรฐานสินค้าด้านอาหารขั้นสูงสุด “หัวใจคุณภาพ” (Quality at Heart) ซึ่งเป็นโปรแกรมตรวจสอบย้อนกลับที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบอย่างละเอียดโดยผู้ตรวจสอบจากภายนอก (Third-party) โดยมีการตรวจสอบในด้าน 1) ความปลอดภัย 2) คุณภาพ 3) การพัฒนาอย่างยั่งยืน 4) ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ 5) ราคาที่ยุติธรรม โดยสินค้าในโครงการจะมี QR code ติดอยู่บนบรรจุภัณฑ์เพื่อให้ลูกค้าสแกนเรียกดูข้อมูลสถานที่ผลิตและบรรจุสินค้าได้ การเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสจะช่วยให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในคุณภาพและข้อมูลของผลิตภัณฑ์มากขึ้น ส่งผลให้ความเชื่อมั่นต่อเซ็นทรัล รีเทล ในด้านจัดหาสินค้าอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ได้มีการจัดหมวดสินค้าภายใต้ชื่อ “Healthiful” ตั้งแต่ปี 2562 เพื่อสนับสนุนสินค้าอินทรีย์และสินค้าเพื่อสุขภาพอื่น ๆ โดยสินค้าในหมวด Healthiful ได้ผ่านการประเมินตามเกณฑ์ดังต่อไปนี้:

  • ใบรับรองคุณภาพโดยองค์การอาหารและยา ซึ่งช่วยรับรองคุณภาพการผลิต
  • มีประโยชน์ต่อสุขภาพและสร้างเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของผู้บริโภค
  • เป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือก อาทิ สินค้าอินทรีย์ สินค้าที่ใช้ส่วนผสมจากพืชเป็นหลัก สินค้ามังสวิรัติ สินค้าช่วยดูแลระบบย่อยอาหาร สินค้าโปรตีนสูง และสินค้าอาหารคีโตเจนิค
  • เป็นสินค้าสำหรับผู้มีข้อจำกัดทางสุขภาพ เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้บริโภคที่ต้องการบริโภคอาหารที่ปราศจากกลูเตน ผงชูรส วัตถุุกันเสีย คอเลสเตอรอล นมเนย หรือแล็กโทส รวมถึงผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าที่มีระดับโซเดียม ไขมัน หรือนํ้าตาลน้อยด้วย

นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ยังได้ก่อตั้งตลาดจริงใจตั้งแต่ปี 2561 เป็นพื้นที่เฉพาะสำหรับรองรับสินค้าท้องถิ่นของชุมชนในห้างสรรพสินค้าของเซ็นทรัล รีเทล ตลาดจริงใจจำหน่ายสินค้าท้องถิ่นหลากหลายประเภท รวมถึงสินค้า OTOP และสินค้าที่ท้องถิ่นพัฒนาร่วมกับเซ็นทรัล รีเทล นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ยังสนับสนุนให้ชุมชนและเกษตรกรเข้ามาร่วมขายสินค้าในตลาดจริงใจด้วยตนเองเพื่อเพิ่มโอกาสในการสื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง ถือเป็นช่องทางให้ได้ส่งต่อเรื่องราวของสินค้าและชุมชน รวมทั้งเกษตรกรยังสามารถการันตีคุณภาพสินค้าและการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ด้วยตนเอง

นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล มีการตรวจสอบคุณภาพสินค้าอย่างต่อเนื่องและจัดให้มีช่องทางการสื่อสารผ่านสายด่วน 1467 เพื่อให้ลูกค้าสอบถามเกี่ยวกับสินค้าหรือแจ้งข้อร้องเรียน สำหรับการร้องเรียน เซ็นทรัล รีเทล จะตรวจสอบปัญหาและประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขข้อร้องเรียนที่พิสูจน์ได้

จริงใจ ฟาร์มเมอร์ มาร์เก็ต

การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ

เซ็นทรัล รีเทล ตระหนักถึงความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงความจำเป็นในการดูแลระบบนิเวศ จึงประกาศความมุ่งมั่นในการอนุุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและพื้นที่่ป่า พร้อมตั้งเป้าหมายลดความสูญเสียด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (No Net Loss) สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อระบบนิเวศ (Net Positive Impact) และบรรลุเป้าหมายการสูญเสียป่าไม้สุทธิเป็นศูนย์ (No Net Deforestation) เซ็นทรัล รีเทล ประเมินความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ติดตามผล และจัดกิจกรรมเยียวยา ผ่านความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญ รวมทั้งคู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ชุมชน และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคจากภายนอก การประเมินความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ครอบคลุมการพึ่งพาและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบในพื้นที่ที่มีลำดับความสำคัญตลอดห่วงโซ่คุณค่า ผ่านการประเมินด้วย the World Wildlife Fund’s Biodiversity Risk Filter Tool (WWF BRF) ขององค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ยังได้ดำเนินการอนุรักษ์และฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพโดยความร่วมมือกับพันธมิตรภายนอก เช่น องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล สำนักงานประเทศไทย (WWF Thailand) มูลนิธิพัฒนาเกษตรอินทรีย์ไทย และไทยคม จำกัด (มหาชน)

การประเมินความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
กำหนดขอบเขตการประเมิน
  • ระบุความสำคัญต่ออุตสาหกรรม

    • ระดับความพึ่งพิง
    • ผลกระทบ
  • ระบุสถานประกอบการของเซ็นทรัล รีเทล ในห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดที่จะได้รับการประเมิน
รวบรวมข้อมูลตำแหน่งพื้นที่และข้อมูลห่วงโซ่อุปทาน
  • ระบุตำแหน่งสถานประกอบการ
  • ระบุประเภทอุตสาหกรรม
  • ระบุความสำคัญทางธุรกิจของสถานประกอบการแต่ละแห่ง
ประเมินความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
  • คำนวณค่าความเสี่ยงในภาพรวม (ของแต่ละตัวบ่งชี้)
  • คำนวณค่าความเสี่ยงระดับสถานที่ (คะแนนเป็นภาพรวม)
  • ประเมินและแปลความหมายของความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพตาม The World Wildlife Fund’s Biodiversity Risk Filter Tool (WWF BRF)
รวบรวมข้อมูลความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพที่ส่งผลต่อเซ็นทรัล รีเทล
  • บูรณาการความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพสู่กระบวนการบริหารจัดการความเสี่ยงในระดับองค์กร
คำมั่นในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ การรักษา และฟื้นฟูพื้นที่ป่าไม้
การประเมินความเสี่ยงด้านความหลากหลายทางชีวภาพ

โครงการสำคัญ

โครงการแม่แจ่ม

เซ็นทรัล รีเทล ร่วมกับองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล สำนักงานประเทศไทย (WWF Thailand) มูลนิธิพัฒนาเกษตรอินทรีย์ไทย เซ็นทรัล รีเทล ไทยคม จำกัด (มหาชน) กรมป่าไม้ และหน่วยงานรัฐในระดับท้องถิ่น จัดทำโครงการเพื่อชุมชนในการฟื้นฟูระบบนิเวศผ่านการพัฒนาระบบผลิตอาหารที่ยั่งยืนในอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่ปี 2561 ภายใต้โครงการดังกล่าว ชุมชนในพื้นที่อนุรักษ์ของแม่แจ่มอยู่ร่วมกับธรรมชาติผ่านการผลิตอาหารด้วยวิธีที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เซ็นทรัล รีเทล ทำหน้าที่ให้การสนับสนุนชุมชนดังกล่าวในรูปแบบเสริมสร้างศักยภาพเพื่อช่วยให้ชาวบ้านเปลี่ยนจากการทำเกษตรเชิงเดี่ยวมาเป็นการทำเกษตรยั่งยืน ช่วยเพิ่มคุณภาพดินและนํ้าในพื้นที่ และช่วยฟื้นฟูป่า รวมทั้ง เซ็นทรัล รีเทล ได้ทำการตลาดสนับสนุนสินค้าจากชุมชนที่จัดจำหน่ายผ่านเซ็นทรัล รีเทล อีกด้วย

Central/Robinson Love the Earth 2023

เซ็นทรัล รีเทล เดินหน้าภารกิจปลูกป่า 50,000 ไร่ (80 ล้าน ตร.ม.) ภายในปี 2573 โดยเซ็นทรัล รีเทล ฟื้นฟูและเพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยการปลูกต้นไม้ 100,000 ต้น บนพื้นที่ประมาณ 490 ไร่ (784,000 ตร.ม.) ตามแนวทางใช้วิธีทางธรรมชาติในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ โครงการนี้ยังสร้างความตระหนักรู้และการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมให้แก่คู่ค้าและองค์กรในท้องถิ่น เช่น มลพิษจากการผลิต ขยะจากบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น

เซ็นทรัล รีเทล ได้จัดกิจกรรมตามสถานที่ต่าง ๆ ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและโรบินสัน ในช่วงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2566 ภายใต้แคมเปญ “Central/Robinson Love the Earth 2023” โดยมีการเสวนาเรื่องความยั่งยืนและการปกป้องสิ่งแวดล้อม การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการสร้างแบรนด์ เวิร์กช็อป DIY และกิจกรรมต่าง ๆ จัดขึ้นภายในงานด้วย ผลจากแคมเปญนี้จะช่วยสนับสนุนเป้าหมายในการปลูกต้นไม้ 100,000 ต้น ซึ่งจะเทียบเท่ากับการกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 466 เมตริกตันต่อปี

ร้าน Everyday Everywhere ส่งเสริมการพัฒนาวิสาหกิจท้องถิ่นขนาดกลางและขนาดย่อม

เซ็นทรัล รีเทล สนับสนุนวิสาหกิจท้องถิ่นขนาดกลางและขนาดย่อมผ่านศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ โดยจัดสรรพื้นที่เฉพาะภายใต้ชื่อ “ร้าน Everyday Everywhere Shop” ให้แก่วิสาหกิจดังกล่าว โดยในปี 2566 มีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจากจังหวัดกรุงเทพฯ นนทบุรี นครปฐม เชียงใหม่ เพชรบุรี และสงขลา นำสินค้ามาจำหน่ายในร้านแล้ว 9 แห่ง ใน 2 สาขา ตั้งอยู่ที่โรบินสัน ราชพฤกษ์ และโรบินสัน ฉลอง

การตกแต่งห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลจากผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น

เซ็นทรัล รีเทล ร่วมมือกับ LaRocca แบรนด์แฟชั่นอัปไซเคิลในกรุงเทพฯ สร้างสรรค์งานศิลปะจัดวางเพื่อตกแต่งห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาเมกาบางนา ด้วยถุงผ้าใบมือสองกว่า 1,600 ใบ โครงการนี้ช่วยมอบประสบการณ์การชอปปิงที่เหนือกว่า สอดคล้องกับการจัดหาอย่างมีความรับผิดชอบ และสามารถลดของเสียได้อีกด้วย

นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทลยังได้ร่วมกับชุมชนหุบกะพง จังหวัดเพชรบุรี จัดแสดงผลงานประติมากรรมจากเส้นใยรีไซเคิล ณ สาขาเซ็นทรัลเวสต์วิลล์ และเซ็นทรัล รีเทล ยังได้ร่วมมือกับ CTRL+R Collective เพื่อจัดแสดงนิทรรศการป๊อปอัพเกี่ยวกับวัสดุหมุนเวียน วัสดุย่อยสลายได้ทางชีวภาพ และวัสดุรีไซเคิลได้ ซึ่งช่วยให้ผู้เข้าชมได้สำรวจความเป็นไปได้ของความยั่งยืนในภาคการค้าปลีก